อินเดีย จับกุมผู้ต้องสงสัย วางระเบิดพุทธคยา ได้แล้ว 1 ราย เตรียมขยายผลต่อว่าโยงกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหรือไม่
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดอานุภาพต่ำติดต่อกันหลายครั้ง ในบริเวณวัดพุทธคยา ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของสังเวชนียสถาน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของชาวพุทธทั่วโลก ในอำเภอคยา รัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย ส่งผลให้พระสงฆ์บาดเจ็บ 2 รูป เป็นพระชาวทิเบต 1 รูป และพระพม่าอีก 1 รูป ขณะที่วัดมหาโพธิและต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ไม่ได้รับความเสียหาย
รายงานระบุว่า ระเบิดขนาดเล็กซึ่งมีผู้นำมาวางเอาไว้หลายจุดภายในเขตสังเวชนียสถานแห่งนี้ ได้เกิดการระเบิดขึ้นมารวม 9 จุด โดยมี 4 ลูกระเบิดขึ้นมาภายในเขตพื้นที่ของพุทธคยา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดประกาศอ้างความรับผิดชอบเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยเตือนแล้วว่า พุทธคยา เป็นสถานที่ที่ดึงดูดพุทธศาสนิกชนจำนวนมากให้มาเคารพสักการะ จึงอาจตกเป็นเป้าหมายโจมตีของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรง เพื่อแก้แค้นเหตุการณ์รุนแรงที่ชาวพุทธทำร้ายคนมุสลิมในพม่า
ขณะที่ทางด้าน นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุระเบิดดังกล่าว โดยระบุว่า การโจมตีศาสนสถานเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอดทนได้ ขณะที่ นายอาร์.พี.เอ็น. ซิงห์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ของอินเดีย กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่านี่เป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย อย่างไรก็ดีทางการอินเดียกำลังทำการสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่าใครเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้
ทั้งนี้ สำหรับวัดมหาโพธิ ในพุทธคยาถือเป็นหนึ่งในศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดตามความเชื่อของชาวพุทธ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของต้นโพธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 2545
ล่าสุด วันนี้ (8 กรกฎาคม 2556) มีรายงานว่า ทางการอินเดียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุดังกล่าวได้แล้ว 1 ราย และกำลังสอบสวนต่อไปว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหรือไม่ เนื่องจากอาจจะเป็นการแก้แค้นให้แก่มุสลิมในประเทศพม่า ที่กำลังมีความขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้
Meawmeaw
วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ชื่อปริญญาบ้ตรและคณะภาษาฝรั่งเศส
ชื่อปริญญาบ้ตรและคณะ
Licence-es-Lettres (littérature française) ปริญญาตรีอักษรศาสตร์ สาขาวรรณคดีฝรั่งเศส
Licence en Langue et Civilisation françaises ปริญญาตรีภาษาและอารยธรรมฝรั่งเศส
Licence en Littérature et Civilisation françaises ปริญญาตรีวรรณกรรมและอารยธรรมฝรั่งเศส
Licence en Linguistique ปริญญาตรีภาษาศาสตร์
Maitrise en …..ปริญญาโท (ปัจจุบันมี master 1 และ master 2)
Doctorat en .......ปริญญาเอก
Faculté des Lettres คณะอักษรศาสตร์
Faculté des Arts Libéraux คณะศิลปศาสตร์
Faculté des Sciences Humaines คณะมนุษยศาสตร์
Faculté de l’Archéologie คณะโบราณคดี
Faculté de la Pédagogie คณะศึกษาศาสตร์
Faculté des Sciences Politiques คณะรัฐศาสตร์
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
มาแล้ว!! เนื้อหาออกสอบ GAT/PAT ตุลาคม (เยอะเว่อร์!)
มาแล้ว!! เนื้อหาออกสอบ GAT/PAT ตุลาคม (เยอะเว่อร์!
GAT : ความถนัดทั่วไป วัดศักยภาพการเรียนในมาวิทยาลัยให้ประสบความสำเร็จ ข้อสอบแยกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 การอ่านเชิงวิเคราะห์ เขียนเชิงวิเคราะห์ คิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา
ส่วนที่ 2 การสื่อสารทางภาษาอังกฤษ
((เค้าบอกมาแค่นี้^^))
PAT 1 : ความถนัดทางคณิตศาสตร์ | ||
เนื้อหาที่ออกสอบ | 1) ตรรกศาสตร์ | 2) เซต |
3) ระบบจำนวนจริง |
4) ความสัมพันธ์และฟังก์ชั่น
| |
5) ฟังก์ชันตรีโกณมิติ | 6) เรขาคณิตวิเคราะห์ | |
7) ฟังก์ชั่นเอ็กซ์โปเนนเชียลและฟังก์ชั่นลอกิริทึม | 8) เมทริกซ์ | |
9) เวกเตอร์ | 10) จำนวนเชิงซ้อน | |
11) กำหนดการเชิงเส้น | 12) ลำดับและอนุกรม | |
13) แคลคูลัสเบื้องต้น | ||
14) การเรียงสับเปลี่ยนและการจัดหมู่ | 15) ความน่าจะเป็น | |
16) การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น | 17) การแจกแจงปกติ | |
18) ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชั่นระหว่างข้อมูล | ||
วัดอะไร?? : การคิดและแก้ปัญหาเชิงคณิตศาสตร์ |
PAT2 : ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
สำหรับที่มีข่าวลือว่า PAT2 จะแยกออกมาเป็น 3 วิชานั้น สำหรับการสอบในเดือน ต.ค. นี้ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะคะ ข้อสอบยังรวมกันเป็นฉบับเดียวเหมือนเดิม
| ||
เนื้อหาข้อสอบ : | 1) เคมี | 2) ชีววิทยาและสิ่งแวดล้อม |
3) ฟิสิกส์ | 4) โลก ดาราศาสตร์ อวกาศ | |
วัดอะไร?? : | 1) คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ | |
2) แก้ปัญหาแบบนักวิทยาศาสตร์ | ||
3) ทักษะการอ่านบทความแบบนักวิทยาศาสตร์ | ||
4) ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี |
PAT3 : ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
เนื้อหาข้อสอบ : 1) กลศาสตร์(แรง มวล และการเคลื่อนที่)
2)ไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟ้า คลื่น แสง เสียง
3) เคมี (สาร และสมบัติของสาร)
4) พลังงาน ความร้อนและของไหล
5) คณิตศาสตร์ และสถิติประยุกต์เชิงวิศวกรรม
วัดะไร?? : 1) การคิดวิเคราะห์
2) ความถนัดเชิงช่าง
3) ความคิดเชิงตรรกะ
4) สามัญสำนึกเรื่องความปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม
5) การแก้ปัญหา
6) ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
PAT4 : ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
เนื้อหาข้อสอบ : 1) ตรรกศาสตร์ และการคิดแก้ปัญหา
2) วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์พื้นฐานทางสถาปัตยกรรม
3) ความรู้ทั่วไปทางสถาปัตยกรรม และการออกแบบ
วัดอะไร?? : 1) การรับรู้และการสื่อสารด้วยภาพสองมิติและสามมิติ
2) การออกแบบ
3) ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
4) การเขียนทัศนียภาพ
PAT5 : ความถนัดทางวิชาชีพครู
เนื้อหาข้อสอบ : ความรู้ทั่วไปในบริบทของการเป็นครู ((กว้างมาก!!!))
วัดอะไร?? : 1) ความสามารถในการเรียนรู้
2) คุณลักษณะความเป็นครู
PAT6 : ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
เนื้อหาข้อสอบ : 1) ความรู้ทั่วไปทางศิลปะและวัฒนธรรม
2) ทัศนศิลป์ และการออกแบบ
3) ดนตรีไทย - ดนตรีสากล
4) นาฏศิลป์ไทย - ศิลปะการแสดง
วัดอะไร?? : 1) ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
2) การคิดวิเคราะห์ - การสังเคราะห์
3) การรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก และจักษุภาษา
4) ประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ การสื่อสาร ภาษาเสียง ภาษาภาพ และ
การสื่อสารทางการออกแบบ
การสื่อสารทางการออกแบบ
PAT7.1 : ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส
เนื้อหาข้อสอบ : 1) คำศัพท์พื้นฐาน
2) ไวยากรณ์และโครงสร้าง
3) สำนวนในสถานการณ์ต่างๆ
4) วัฒนธรรมฝรั่งเศสและฝรั่งเศสปัจจุบัน
5) การออกเสียง
วัดอะไร?? : 1) ความสามารถในการอ่านจับใจความ ตีความ ขยายความและสรุปความ
2) ความสามารถในการสื่อสาร
3) ทักษะการเขียน
PAT7.2 : ความถนัดทางภาษาเยอรมัน
เนื้อหาข้อสอบ : 1) คำศัพท์พื้นฐานระดับมัธยมปลาย
2) ไวยากรณ์
3) วัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี
วัดอะไร?? : 1) ความสามารถในการใช้ภาษาเยอรมันและสำนวนในสถานการณ์ต่างๆ
ได้ถูกต้องเหมาะสม
ได้ถูกต้องเหมาะสม
2) ความสามารถในการอ่านจับใจความ ตีความ ขยายความและสรุปความ
PAT7.3 : ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น
เนื้อหาข้อสอบ : 1) คำศัพท์ขั้นพื้นฐาน 2) คันจิขั้นพื้นฐาน
3) ไวยากรณ์ขั้นพื้นฐาน
4) สำนวนขั้นพื้นฐานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
5) ญี่ปุ่นศึกษา
วัดอะไร?? : ความสามารถในการสื่อสาร การเขียนและการอ่าน
PAT7.4 : ความถนัดทางภาษาจีน
เนื้อหาข้อสอบ : 1) คำศัพท์ 2) ไวยากรณ์และโครงสร้าง
3) สำนวน
วัดอะไร?? : ความสามารถในการสื่อสาร การเขียนและการอ่าน
PAT7.5 : ความถนัดทางภาษาอาหรับ
เนื้อหาข้อสอบ : 1) ไวยากรณ์
2) วัฒนธรรมการใช้ภาษาอาหรับ - ไทย
3) คำศัพท์
4) ความเข้าใจภาษา
วัดอะไร?? : 1) ความสามารถในการสื่อสารตามสถานการณ์
2) ความสามารถในการแยกแยะ
3) ความสามารถในการวิเคราะห์ สังเคราะห์และตีความ
PAT7.6 : ความถนัดทางภาษาบาลี
เนื้อหาข้อสอบ : 1) คำศัพท์พื้นฐาน
2) ไวยากรณ์และโครงสร้าง
3) ความเข้าใจภาษา
วัดอะไร?? : ความสามารถในการอ่านเขียน แปลความ วิเคราะห์ สังเคราะห์และตีความ
พี่มิ้นท์ลองเทียบกับแนวข้อสอบปีที่แล้ว ต้องบอกว่าเหมือนกัน 99.9999% เพราะโดยรวมก็ยังวัดจุดสำคัญของข้อสอบนั้นๆ เช่น PAT7 เป็นข้อสอบภาษาก็จะเน้นไปที่การอ่าน การรู้จักคำศัพท์และการนำมาใช้ในบริบทต่างๆ ส่วนข้อสอบ PATคณิต PATวิทย์ ก็มาเชิงวิชาการแบบเต็มเหนี่ยว
ดังนั้นในเมื่อแนวข้อสอบยังเป๊ะจากปีที่แล้วขนาดนี้ น้องๆ ก็ควรหาข้อสอบเก่ามาฝึกทำกันให้เยอะๆ นะ แล้วก็เตรียมตัวสมัครพร้อมกันในวันที่ 2 ก.ค. เป็นต้นไปจ้า
วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
7 ปัญหาใหญ่ ที่เด็ก ม.6 อยากร้องไห้วันละ 10 รอบ
7 ปัญหาใหญ่ ที่เด็ก ม.6 อยากร้องไห้วันละ 10 รอบ
- ครูโรงเรียนไม่ใส่ใจ.6 เผชิญตามยถากรรม มีข่าวก็ไม่เคยบอก มีกีฬาสีไม่มีเงินทุนให้ บางแห่งซ้ำร้ายไปอีกโรงเรียนไปเอาใจแต่เด็ก ม.ต้น น้องๆ บางโรงเรียนโอคครวญมาว่า ครูไม่ใส่ใจ ทั้งเรื่องแอดมิชชั่น หรือกิจกรรมของโรงเรียนที่ปล่อยให้เด็ก ม
- ชีวิตนี้มีแต่สอบGAT PAT เด็ก ม.6 ต้องฝืนทนท่องดังๆ ให้ขึ้นใจเลยว่าต้อง “พร้อมลุยทุกสนาม” บางสนามมีความรู้อย่างเดียวสอบไม่ได้ด้วย ต้องมีเงินค่าสมัคร ค่าธรรมเนียมต่างๆ นาๆ นี่กว่าจะจบ ม.6 หัวสมองแตกแถมบ้านหมดตัวแน่ๆ ฟังแล้วสงสารตัวเอง และพ่อแม่จัง กลางภาค ปลายภาค สอบตรง โควต้า
- การบ้าน บานตลาดไท หากเอาการบ้านทุกวิชาของ ม.6 มาวางรวมกันต้องใหญ่เกินตลาดไทแน่ๆ ลำพังเรียนก็เลิกจะ 4 โมงเย็นแล้ว ต้องมานั่งจมกับภูเขาการบ้านคำนวณเลข ศัพท์อังกฤษ และสูตรเคมี จนบางวันจะแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือเตรียมแอดฯ ก็แทบจะไม่มี มิน่าหละเด็ก ม.6 ส่วนใหญ่จึงสมัครใจใช่เวลาช่วงเช้าในโรงเรียนไปทำการบ้าน (โดยการลอกเพื่อน) พี่ลาเต้ นี่แหละขาประจำเลย อิอิ
-
เพื่อนทยอยติดไปแล้ว.6 เพราะรับตรง โควต้าที่สอบไปเริ่มทยอยประกาศผล เพื่อนร่วมชั้นที่นั่งเรียนข้างๆ ก็จะเริ่มคุยแล้ว “ติดแล้วนะ” “ไปสัมภาษณ์ตื่นเต้นมาก” ด้านคุณครูก็ถามซ้ำอีก “ไหนๆ ห้องนี้ ใครติดที่ไหนแล้วบ้าง” ก็ไม่ต้องไปแคร์ครับ ตอบไปเลยดังๆ ว่า “หนูรอแอดมิชชั่นกลางค่ะ อยากมีชีวิตที่ตื่นเต้น” แม้ในใจจะอยากจะแทรกแผ่นดินหนีก็ตามเถอะ 555ประมาณเดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งการอับอายของเด็ก ม
- หน้าสิว’ลัยไปด้วยหน้าสิว อดเป็นดาวมหา’ลัย แย่เลย อิอิ รูขุมขนมีเท่าไหร่ สิวก็จะขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ช่วงฤดูกาลของการสอบตรง สอบสัมภาษณ์ และสอบเก็บคะแนน ช่วงเดือนนี้หากใครหน้าไม่สิว ก็จะได้เป็นแพนด้าหลินปิงแทนแน่นอน ดังนั้นเครียดได้ แต่ต้องดูแลตัวเองด้วยเด้อ เข้ามหา
- กิจกรรมยำกันเละ กีฬาสี จัดบอร์ด เดินรณรงค์มีมาให้ร่วมทุกเดือน ยิ่งบางกิจกรรมไม่ใช่แค่วันเดียวจบ ต้องอดหลับอดนอนเตรียมงานกันร่วมเดือน ดังนั้นแบ่งเวลาให้ดี ที่สำคัญหากทำกิจกรรมแล้วมีทีมงานที่ดี เราจะไม่เสียอะไรจากกิจกรรมเลย ม.6 ฟังไว้ถึงกิจกรรมจะยำขนาดไหน ต้องเอาตัวรอดให้ได้ สู้ๆ
- ก่อนนอนขอออน M เม้น FB กลับบ้านไม่มีอะไรทำ ขอออน msn หน่อยก็ดี ก่อนนอนกลัวหลับไม่สนิทขอเปิด FB ไปเม้นก็ยังดี ทั้งสองอย่างนี้ทำได้ครับ แต่ฝากน้องๆ ม.6 ต้องดูถึงความพอดีด้วยเด้อ เล่นบ้าง เม้นบ้างเพื่อคลายเครียด แต่อย่าถึงขั้นติด หรือใครติดก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ครับ
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556
อักษรเฮียโรกลิฟิกส์
ช่วงนี้ติดนิยาย 555+ กำลังคลั่งเทพเจ้า ตอนนี้อ่านเกี่ยวกับเทพเจ้าอียิปต์ เลยขอศึกษาที่มาหน่อย
ดังนั้นตัวอักษรในยุคแรกๆ จึงมักจะพบถูกจารึกคู่กับการแกะสลักหรือวาดภาพเทพเจ้าไม่ว่าจะบนกำแพงวิหาร, หลุมฝังศพหรือโลงที่ทำจากหินเพื่อคุ้มครองผู้ตาย นอกจากนี้ยังจารึกที่เป็นคำสาปแช่งผู้ที่ล่วงละเมิดสุสาน
อักษรเฮียโรกลีฟิค
ไฮโรกลิฟ (อังกฤษ: Hieroglyph) เป็นอักษรภาพอย่างหนึ่งของอียิปต์โบราณ เพิ่งมีการอ่านและแปลความหมายได้อย่างชัดเจนเป็นระบบเมื่อมีการค้นพบหินโรเซตตาในปีพ.ศ.2342 ที่จารึกโดยตัวอักษร 3 แบบ คือ กรีกโบราณดีโมติก และไฮโรกลิฟ การเปรียบเทียบชื่อราชวงศ์ต่าง ๆ โดยใช้ตัวอักษร 3 แบบ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณสามารถอ่านอักษรไฮโรกลิฟ ได้ใน 25 ปีต่อมา
จุดกำเนิด
ชาวอียิปต์เชื่อว่าอักษรนี้ประดิษฐ์โดยเทพเจ้าโทห์ และเรียกชื่ออักษรว่า mdwt ntr (คำพูดของพระเจ้า) คำว่าไฮโรกลิฟฟิก มาจากภาษากรีก hieros (ศักดิ์สิทธิ์) + glypho (จารึก) คำนี้ใช้เป็นครั้งแรก โดยคลีเมนต์แห่งอเล็กซานเดรีย การเขียนในอียิปต์ที่เก่าที่สุด เริ่มเมื่อราว 2,867 ปีก่อนพุทธศักราช ส่วนอักษร ไฮโรกลิฟฟิกที่ใหม่ที่สุด เป็นประกาศที่กำแพงวิหารในฟิแล (philae) อายุราว พ.ศ. 939 อักษรนี้ใช้กับจารึกอย่างเป็นทางการ ตามกำแพงวิหารและหลุมฝังศพ บางแห่งมีการระบายสีด้วย การเขียนทั่วไป ในชีวิตประจำวันใช้อักษรเฮียราติกหลังจากจักรพรรดิทีออสซิอุสที่1สั่งปิดวิหารของพวกเพเกิน ทั่วจักรวรรดิโรมันในช่วงพ.ศ. 1000 ความรู้เกี่ยวกับอักษรนี้ได้สูญหายไป จนกระทั่งชอง-ฟรองซัว ชองโปเลียงชาวฝรั่งเศสถอดความอักษรนี้ได้
ลักษณะ
อักษรไฮโรกลิฟฟิกอาจจะเก่ากว่าอักษรรูปลิ่มของชาวซูเมอร์ทิศทางการเขียนเป็นได้หลายแบบ ทั้งแนวนอน ซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย แนวตั้งจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย การบอกทิศทาง สังเกตจากการหันหน้าของรูปคนหรือสัตว์ ซึ่งจะหันหน้าเข้าหาจุดเริ่มต้นของเส้น อียิปต์ยุคต้นและยุคกลาง (ราว 1,457-1,057 ปีก่อนพุทธศักราช) ใช้สัญลักษณ์ 700 ตัว ในยุคกรีก-โรมัน ใช้สัญญลักษณ์มากกว่า 5,600 ตัว สัญลักษณ์แต่ละตัวบอกทั้งการออกเสียงและความหมาย เช่นสัญลักษณ์ของจระเข้ เป็นรูปจระเข้รวมกับสัญลักษณ์แทนเสียง “msh” เช่นเดียวกับคำว่าแมว “miw” จะใช้รูปแมว รวมกับสัญลักษณ์แทนอักษร m i และ w
อักษรที่มีลักษณะเช่นเดียวกับอักษรไฮโรกลิฟฟิกของอียิปต์จะเรียกอักษรไฮโรกลิฟฟิกด้วย เช่นอักษรไฮโรกลิฟฟิกของชาวลูเวียและชาวฮิตไตน์
ความเชื่อ
ชาวอียิปต์มีความชำนาญทางศิลปะหัตถรรม งานช่าง และการทำหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับชีวิตหลังความตายและอักษรภาพหรือภาษาตามความเชื่อที่มีอำนาจและอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตและพิธีกรรม
ชาวอียิปต์เชื่อว่าตัวอักษรของพวกเขาประดิษฐ์ขึ้นโดยเทพเจ้าธอธ (Thoth) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งภูมิปัญญา และจอความดีชั่วของผู้ตาย และเรียกชื่อตัวอักษรของพวกเขาว่าmdw nTr หรือคำพูดของเทพเจ้า
ดังนั้นตัวอักษรในยุคแรกๆ จึงมักจะพบถูกจารึกคู่กับการแกะสลักหรือวาดภาพเทพเจ้าไม่ว่าจะบนกำแพงวิหาร, หลุมฝังศพหรือโลงที่ทำจากหินเพื่อคุ้มครองผู้ตาย นอกจากนี้ยังจารึกที่เป็นคำสาปแช่งผู้ที่ล่วงละเมิดสุสาน
ตัวอักษรของชาวอียิปต์โบราณหรือที่เรารู้จักว่าอักษรภาพ (Hieroglyphs) หรือ ไฮโรกริฟฟิค,ฮีโรกราฟิค มาจากภาษากรีก hieros (ศักดิ์สิทธิ์) + glypho (จารึก) ซึ่งไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนว่าการเขียนในอียิปต์โบราณที่เก่าที่สุดเกิด ขึ้นเมื่อ ไร ส่วนอักษรไฮโรกลิฟฟิคที่จารึกเป็นตัวสุดท้ายคือประกาศที่กำแพงวิหารในฟิเล (Philae) ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 394 การเขียนทั่วไปในชีวิตประจำวันใช้อักษรเฮียราติก หลังจากจักรพรรดิทีโอโดซิอุสที่ 1 (Theodosius I) สั่งปิดวิหารของพวกนอกรีตทั่วจักรวรรดิโรมันในช่วง ค.ศ. 457ความรู้เกี่ยวกับอักษรภาพนี้ก็ได้
สูญหายไป
ไฮโรกลิฟฟิคเพิ่งมีการอ่านและแปลความหมายได้อย่างชัดเจนเป็นระบบเมื่อมีการค้นพบหินโรเซตตาในปี ค.ศ.1799 ตัวอักษรที่จารึกบนแผ่นหินมีตัวอักษร 3 แบบ คือ กรีกโบราณ ดีโมติก และไฮโรกลิฟ จึงทำให้การเปรียบเทียบชื่อราชวงศ์ต่าง ๆ โดยใช้ตัวอักษร 3 แบบนี้ และทำให้ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ Jean-Francosis Champollion ชาวฝรั่งเศสถอดความอักษรนี้ใน 25 ปีต่อมา
อักษรไฮโรกลิฟฟิคมีทิศทางการเขียนเป็นได้หลายแบบ ทั้งแนวนอนซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย ,แนว ตั้งจากบนลงล่างทั้งซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย เราจะรู้ทิศทางการอ่านให้สังเกตจากการหันหน้าของรูปคนหรือสัตว์ ถ้ารูปหันหน้าไปทางขวาให้อ่านจากขวาไปซ้าย ถ้ารูปหันหน้าไปทางซ้ายให้อ่านจากซ้ายไปขวา หรือสรุปว่ารูปจะหันหน้าเข้าสู่จุดเริ่มต้นในการอ่านเสมอ
อักษรไฮโรกลิฟอียิปต์ยุคต้นและยุคกลางใช้สัญลักษณ์ 700 ตัว ในยุคกรีก-โรมัน ใช้สัญลักษณ์มากกว่า 5,600 ตัว สัญลักษณ์แต่ละตัวบอกทั้งการออกเสียงและความหมาย เช่น คำว่า “จระเข้” จะเป็นรูปจระเข้รวมกับสัญลักษณ์แทนเสียง “msH” (อ่านว่า meseh) หรือคำว่า “แมว” จะใช้รูปแมวรวมกับสัญลักษณ์แทนอักษร “miw” (อ่านว่า meeoo)
อักษรที่มีลักษณะเช่นเดียวกับอักษรไฮโรกลิฟของอียิปต์จะเรียกอักษรไฮโรกลิฟด้วยเช่น อักษรไฮโรกลิฟของชาวมายา,ชาวฮิทไทน์,ชาวลูเวียน ฯลฯ
คน อียิปต์ในปัจจุบันไม่ได้พูดและใช้ภาษาอียิปต์โบราณอีกแล้วแต่พูดภาษาอาหรับ ภาษาลูกของชาวอียิปต์โบราณที่เหลือคือ ภาษาคอปติกซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายคอปติกที่เรียก คอปติกเชิร์ช
วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556
หลุมดำใหญ่กลาทะเล ลึกกว่า 200 เมตร
หลุมดำใหญ่กลาทะเล ลึกกว่า 200 เมตร
หลุมดำ ซึ่งที่ถูก ควรจะเรียกว่า หลุมน้ำเงิน (blue hole) เป็นถ้ำ หรือหลุมที่มีอยู่ในทะเล หลุมน้ำเงินดังกล่าวนี้ มีอยู่มากมายทั่วโลก โดยเฉพาะในทะเลแถบ บาฮามา และ ชายฝั่งทะเลของประเทศแบลิซ ทางตอนใต้ของเม็กซิโก
หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งเม็กซิโก ชื่อ ทามาวลิปาส (Tamaulipas) มีความลึกที่สุด ถึง 335 เมตร
ถัดมาคือหลุมน้ำเงินดีน(Dean's Blue Hole) อยู่นอกชายฝั่งบาฮามา ลึกประมาณ 202 เมตร
สำหรับหลุมน้ำเงินทีมีการกล่าวถึงมากที่สุดคือ หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งประเทศแบลิซ ที่มีรูปทรงเป็นวงกลมเกือบสมบูรณ์
หลุมน้ำเงินนี้ เชื่อกันว่า มีขนาดใหญ่ที่สุด คือปากหลุมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตร ขณะที่มีความลึก 125 เมตร
หลุมดำ ซึ่งที่ถูก ควรจะเรียกว่า หลุมน้ำเงิน (blue hole) เป็นถ้ำ หรือหลุมที่มีอยู่ในทะเล หลุมน้ำเงินดังกล่าวนี้ มีอยู่มากมายทั่วโลก โดยเฉพาะในทะเลแถบ บาฮามา และ ชายฝั่งทะเลของประเทศแบลิซ ทางตอนใต้ของเม็กซิโก
หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งเม็กซิโก ชื่อ ทามาวลิปาส (Tamaulipas) มีความลึกที่สุด ถึง 335 เมตร
ถัดมาคือหลุมน้ำเงินดีน(Dean's Blue Hole) อยู่นอกชายฝั่งบาฮามา ลึกประมาณ 202 เมตร
สำหรับหลุมน้ำเงินทีมีการกล่าวถึงมากที่สุดคือ หลุมน้ำเงินนอกชายฝั่งประเทศแบลิซ ที่มีรูปทรงเป็นวงกลมเกือบสมบูรณ์
หลุมน้ำเงินนี้ เชื่อกันว่า มีขนาดใหญ่ที่สุด คือปากหลุมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตร ขณะที่มีความลึก 125 เมตร
วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556
ปรากฏการณ์แปลก ทะเลสาบสีชมพู (Lake Hillier)
ปรากฏการณ์แปลก ทะเลสาบสีชมพู (Lake Hillier)
- เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ เปิดเผยภาพปรากฎการณ์สุดน่าทึ่งของทะเลสาบในประเทศเซเนกัล ที่เปลี่ยนสีเป็นสีชมพูอันเนื่องมาจากแบคทีเรียปริมาณมากที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็มจัดทำปฎิกิริยากับแสงอาทิตย์
โดยทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่า ทะเลสาบเร็ตบา อยู่ในประเทศเซเนกัล ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา เป็นทะเลสาบที่มีปริมาณเกลือสูงมาก บางพื้นที่ของทะเลสาบมีเกลือถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และในน้ำทะเลแห่งนี้ ยังมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ผลิตสารสีแดงในการดูดซับแสงอาทิตย์ กระจายอยู่เต็มไปหมด จึงทำให้น้ำในทะเลสาบแห่งนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อน ๆ ในตอนกลางวัน และยิ่งเมื่อทะเลสาบต้องแสงแดด มันก็ยิ่งกลายเป็นสีชมพูนมเย็นได้อย่างน่าทึ่ง
ทางด้านนายไมเคิล แดนสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านแบคทีเรียเอ็กซตรีมโมไพล์ จากมหาวิทยาลัยบาธ ได้เปิดเผยว่า "สีนมสตรอเบอร์รี่ในทะเลสาบแห่งนี้ เกิดจากแบคทีเรีย Dunaliella ซึ่งชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เค็มจัด พวกมันจะผลิตสารสีแดงออกมา เพื่อช่วยในการดูดซับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ที่จะนำไปใช้ในการสร้างพลังงานมากขึ้น ดังนั้น เมื่อแดดออก น้ำทะเลก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่างที่เห็น และทะเลสาบเร็ตบาแห่งนี้ ก็เค็มเหมือนกับทะเลสาบเดดซี มันมีเกลือในปริมาณมาก จนทำให้เราลอยอยู่ในน้ำได้"
นอกจากนี้ ไมเคิล แดนสัน ยังเปิดเผยอีกว่า ครั้งหนึ่ง ทะเลสาบเร็ตบาแห่งนี้ถูกเชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เพราะมันเค็มมาก แต่ใครเลยจะรู้ว่า มันเป็นทะเลสาบที่มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก หรือจุลชีพ อาศัยอยู่มาก และมันก็มีชีวิตชีวามากเลยทีเดียว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)